Taylor Swift

แปลเพลง Love Story ของศิลปิน Taylor Swift

We were both young when I first saw you
I close my eyes
And the flashback starts
I’m standing there
On a balcony in summer air

เราทั้งคู่ยังเด็กอยู่ เมื่อตอนที่ฉันเห็นเธอครั้งแรก
ฉันหลับตาลง
และเรื่องราวความหลังก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ฉันยืนอยู่ที่นั่น
ตรงระเบียงในช่วงฤดูร้อน


See the lights
See the party, the ball gowns
I see you make your way through the crowd
And say ”hello”, little did I know

ได้เห็นแสงไฟ
ได้เห็นงานเลี้ยง ชุดราตรี
ฉันเห็นเธอเดินฝ่าฝูงชนผ่านเข้ามา
และพูดว่า สวัสดี ที่ฉันรู้แค่เพียงว่า

That you were Romeo, you were throwing pebbles
And my daddy said stay away from Juliet
And I was crying on the staircase
Begging you please don’t go, and I said

เธอก็คือโรมิโอ ซึ่งเธอได้ขว้างปาก้อนหิน
และพ่อของฉันบอกว่า ให้อยู่ห่างๆจากจูเลียตไว้
และฉันก็นั่งร้องไห้อยู่บนขั้นบันได
อ้อนวอนเธอ ได้โปรดอย่าไปเลย และฉันพูดว่า


Romeo take me somewhere we can be alone
I’ll be waiting all there’s left to do is run
You’ll be the prince and I’ll be the princess
It’s a love story baby just say yes

โรมิโอพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง ที่เราจะสามารถอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ฉันจะรอเธอมาพาฉันไป แล้วหลังจากนั้นเราก็วิ่งไปให้ไกลที่สุด
เธอจะเป็นเจ้าชาย และฉันก็เป็นเจ้าหญิง
มันคือเรื่องราวความรัก ที่รัก แค่ตอบตกลงก็พอ

So I sneak out to the garden to see you
We keep quiet ’cause we’re dead if they knew
So close your eyes
Escape this town for a little while

ดังนั้นฉันจึงแอบออกไปที่สวน เพื่อที่จะพบเธอ
เราต้องเงียบไว้ เพราะเราต้องแย่แน่ๆ ถ้าพวกเขารู้
ดังนั้นปิดตาของเธอลง
หนีไปจากเมืองนี้กันสักพักเถอะ

‘Cause you were Romeo, I was a scarlet letter
And my daddy said stay away from Juliet
But you were everything to me
I was begging you please don’t go and I said

เพราะเธอคือโรมิโอ ส่วนฉันคือความมัวหมอง
และพ่อของฉันบอกว่า ให้อยู่ห่างๆจากจูเลียตไว้
แต่เธอคือทุกอย่างของฉัน
ฉันได้อ้อนวอนเธอ ได้โปรดอย่าไปเลย และฉันพูดว่า

Romeo take me somewhere we can be alone
I’ll be waiting all there’s left to do is run
You’ll be the prince and I’ll be the princess
It’s a love story baby just say yes

โรมิโอพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง ที่เราจะสามารถอยู่ตามลำพัง
ฉันจะรอเธอมาพาฉันไป แล้วหลังจากนั้นเราก็วิ่งไปให้ไกลที่สุด
เธอจะเป็นเจ้าชาย และฉันก็เป็นเจ้าหญิง
มันคือเรื่องราวความรัก ที่รัก แค่ตอบตกลงก็พอ

Romeo save me, they try to tell me how to feel
This love is difficult, but it’s real
Don’t be afraid, we’ll make it out of this mess
It’s a love story baby just say yes

โรมิโอช่วยฉันด้วย พวกเขาพยายามที่จะบอกฉันให้รู้สึก
ความรักนี้มันเป็นไปได้ยาก แต่มันคือเรื่องจริง
ไม่ต้องไปกลัว เราจะฝ่าฟันออกมาจากความยุ่งเหยิงครั้งนี้
มันคือเรื่องราวความรัก ที่รัก แค่ตอบตกลงก็พอ

Oh oh oh oh

I got tired of waiting
Wondering if you were ever coming around
My faith in you was fading
When I met you on the outskirts of town, and I said

ฉันเหนื่อยกับการรอคอย
สงสัยว่าฉันจะมีวันได้เจอเธออีกหรือเปล่า
ความศรัทธาของฉันในตัวเธอกำลังจางลง
เมื่อฉันได้พบกับเธอที่ชานเมือง และฉันพูดว่า

Romeo save me I’ve been feeling so alone
I keep waiting for you but you never come
Is this in my head? I don’t know what to think
He knelt to the ground and pulled out a ring

โรมิโอช่วยฉันด้วย ฉันเกิดความรู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว
ฉันได้แต่เฝ้ารอเธอ แต่เธอไม่เคยมา
นี่หรือคือสิ่งที่อยู่ในหัวฉัน ฉันไม่รู้ว่าจะคิดยังไงแล้ว
เขาคุกเข่าลงกับพื้น แล้วก็ดึงเอาแหวนออกมา

And said, marry me Juliet
You’ll never have to be alone
I love you and that’s all I really know
I talked to your dad, go pick out a white dress
It’s a love story baby just say… yes

และพูดว่า แต่งงานกับผมเถอะจูเลียต
คุณจะได้ไม่ต้องอยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไป
ผมรักคุณ และนั้นคือสิ่งเดียวที่ผมรู้จริงๆ
ผมได้พูดกับคุณพ่อของคุณแล้ว ไปเลือกชุดแต่งงานได้เลย
มันคือเรื่องราวความรัก ที่รัก แค่ตอบตกลงก็พอ

Oh, oh, oh, oh

‘Cause we were both young when I first saw you

เพราะเราทั้งคู่ยังเด็กอยู่ เมื่อตอนที่ฉันเห็นเธอครั้งแรก

คำศัพท์

flashback = การเล่าเรื่องย้อนอดีต
ball gowns = ชุดราตรี
pebbles = ก้อนกรวด, ก้อนหิน
staircase = ขั้นบันได
Escape = หลบหนี
outskirts = พื้นที่รอบนอกของเมือง, ชานเมือง
knelt = คุกเข่า